พีมูฟตรังค้านยุบธนาคารที่ดิน

แกนนำคณะกรรมการอำนวยการขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ยื่นหนังสือถึงประธาน ก.พ.ร. ขออย่ายุบ ธนาคารที่ดิน พร้อมเสนอขยายระยะเวลาการดำเนินงานออกไปอีก 5 ปี

 

 

พีมูฟตรัง ขออย่ายุบธนาคารที่ดิน

 

แกนนำคณะกรรมการอำนวยการขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ยื่นหนังสือถึงประธาน ก.พ.ร. ขออย่ายุบ ธนาคารที่ดิน พร้อมเสนอขยายระยะเวลาการดำเนินงานออกไปอีก 5 ปี

 

 

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2559 ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง นางกันยา ปันกิติ แกนนำคณะกรรมการอำนวยการขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(พีมูฟ) ยื่นหนังสือถึง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ผ่าน นายนิพันธ์ ศิริธร รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เรื่อง ขอให้สนับสนุนการต่ออายุการดำเนินงานสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ตามที่ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ร่วมกับเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนเกษตรกรรายย่อยและคนจน ทำการรณรงค์ผลักดันให้เกิดการกระจายการถือครองอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน

 

หนังสือระบุ การดำเนินงานสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงที่ดินทำกินและที่อาศัยมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2550 เป็นต้นมา จนกระทั่งปี 2553 จึงสามารถสร้างจุดเริ่มต้นของการปฏิรูประบบสิทธิ์ในที่ดินจากระบบกรรมสิทธิ์แบบปัจเจก ซึ่งทำให้ที่ดินซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตและปัจจัยในการดำรงชีพของมนุษย์กลายเป็นสินค้า และนำไปสู่ปัญหาการหลุดมือของที่ดิน จากเกษตรกรและคนยากจนไปสู่คนร่ำรวยในภาคธุรกิจและการเมือง โดยรัฐบาลในขณะนั้นได้ประกาศใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน พ.ศ.2553 เพื่อเป็นกลไกการรองรับสิทธิในที่ดินในรูปแบบสิทธิร่วมหรือสิทธิชุชน ต่อมในปี 2554 ได้มีการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ.2554 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืนให้แก่เกษตรกรรายย่อยและผู้ยากจนได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างเหมาะสมและทั่วถึง รวมทั้งดำเนินการให้มีการจัดตั้งธนาคารที่ดิน และอนุมัติวงเงินงบประมาณสำหรับการดำเนินงานของสถาบันฯ ไว้จำนวน 690 ล้านบาท โดยให้สถาบันฯ มีระยะเวลาการดำเนินงาน 5 ปี นับตั้งแต่พระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้

 

สำหรับประเด็นปัญหา ผลจากความล่าช้าในการดำเนินการสรรหาและแต่งตั้งประธานและคณะกรรมการสถาบัน (ตามมาตรา 44 ) แต่รับรองสิทธิพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน ส่งผลให้ปัจจุบันสถาบันฯ มีอายุที่ทำหน้าที่การทำงานเหลืออีกเพียง 4 เดือนเศษเท่านั้น ซึ่งหากไม่มีการขยายระยะเวลาการดำเนินงานของสถาบันฯ ออกไป จะส่งผลกระทบทั้งโดยตรงและโดยอ้อมทันที เพื่อให้การดำเนินการตามภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินดำเนินการไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามเจตนารมณ์และเป้าหมายของพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน ตลอดจนเป็นการสนับสนุนนโยบายของคณะรัฐมนตรี ที่แถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติอย่างสูงในการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน ในนามของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม จึงขอความเห็นชอบจากท่านในการสนับสนุนให้ขยายระยะเวลาการดำเนินงานของสถาบันฯ ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 5 ปี

 

ที่มา : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์