สิ้น "เฒ่าและ" มะนิเขาบรรทัด

 

สิ้น "เฒ่าและ" มะนิเขาบรรทัด ช่างภาพดังผู้เคยติดตามบันทึกภาพชีวิตโพสอาลัย เผยผลสำรวจจังหวัดตรัง ปี 2554 พบ "ซาไก" 4 กลุ่ม เหลือไม่ถึงร้อยคน

 

 

สิ้น “เฒ่าและ” เผยผลสำรวจจังหวัดตรัง ปี 2554 พบ "ซาไก" 4 กลุ่ม เหลือไม่ถึงร้อยคน

ขอบคุณภาพจาก คุณจิระพงษ์ วงศ์วิวัฒน์

 

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2559 ผู้ใช้เฟสบุ๊คผู้ใช้ชื่อ “จิระพงษ์ วงศ์วิวัฒน์” ช่างภาพในเครือกลุ่มสหภาพ ซึ่งเป็นชาวตรัง ได้โพสภาพพร้อมข้อความระบุ

 

"R.I.P เฒ่าและ"

 

ได้รับข่าวจากเพื่อนว่าเฒ่าและ มะนิที่อาศัยอยู่ในป่าแถบน้ำตกโตนตกจังหวัดตรังเสียชีวิตก่อนปีใหม่ในป่า และเพิ่งมาหาศพเจอก็ผ่านไป5วันแล้ว สาเหตการเสียชีวิตเนื่องจากพิษงู

 

เมื่อแปดปีที่แล้วผมเดินทางจากหาดใหญ่เพื่อมาหามะนิกลุ่มเฒ่าและในป่าที่ตรัง แอบตื่นเต้นในใจระหว่างที่เดินอยู่ในป่าว่าเดี๋ยวถ้าได้เจอมะนิตัวเป็นๆจะถ่ายภาพให้หนำใจ พอไปถึงทับ(บ้านของมะนิ)ปรากฏว่าไม่เจอใครเลย มีแต่บ้านเปล่าๆเหมือนโดนทิ้งไร้ผู้คน แต่ร่องรอยของการก่อไฟยังมีอยู่ ผมรออยู่สองชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววของมะนิให้ผมเห็น ผมเลยวางของของที่ซื้อมาฝากพวกเค้าไว้และเดินออกจากป่ามาอย่างผิดหวัง ระหว่างทางได้เจอชาวบ้านคนนึงชื่อเฉลียว(ซึ่งภายหลังผมเพิ่งรู้ว่าสนิทกับมะนิกลุ่มนี้) เฉลียวเล่าให้ฟังว่า มะนิกลุ่มนี้ไม่ได้ไปไหนแต่แอบดูผมอยู่รอให้ผมกลับจึงจะโผล่ตัวออกมา เพราะพวกเค้าไม่คุ้นเคยและไม่ไว้ใจกับคนแปลกหน้าอย่างผม ถ้าพี่อยากให้พวกเค้าไว้ใจต้องแวะมาหาบ่อยๆ หลังจากนั้นเวลาที่ผมกลับบ้านที่จังหวัดตรังผมก็จะแวะมาหาพวกเค้าบ่อยๆจากที่เคยซื้อขนมมาให้แล้วพวกเค้านั่งมองเฉยๆไม่ยอมกิน ก็เริ่มมีหยิบกินโดยไม่อายผมแล้ว มีการชวนกินกาแฟด้วยกันจวบจนถึงอาหารที่มาจากป่า

 

…..ไม่ใช่เพื่อนก็เหมือนเพื่อน ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ.... หลายปีที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตกับมะนิกลุ่มนี้บ่อยมาก ออกไปเดินหาของป่ากับเค้า กางเต้นท์นอนใช้ชีวิตในป่าเหมือนพวกเค้า และก็ไม่ลืมที่จะซื้อข้าวปลาอาหารไปให้เค้าทุกที

 

ผมชอบไปนั่งคุยในทับของเฒ่าและ ฟังบทเสวนาของเค้าแม้ว่าจะฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง มุขเด็ดของเฒ่าและก็คือเฒ่าและพูดภาษาไทยสำเนียงภาคกลางได้และมีรอยยิ้มอายๆเมื่อผมแซวกลับว่ารู้งี้พูดภาษากลางมาตั้งนานแล้วไม่ต้องพูดใต้ให้ทองแดงหล่นบ่อยๆ

 

ต่อแต่นี้คงไม่เห็นรอยยิ้มแบบขี้อาย ภาษาพูดแบบมึงๆกูๆที่เราคุยกัน เรื่องเล่าชีวิตของเฒ่าและที่ผ่านมา และคำว่า ไปตะ ในเวลาที่ผมบอกลาพวกเค้า

 

หลับให้สบายนะ เฒ่าและ ชาติหน้ามีจริงคงได้เจอและเป็นเพื่อนกันอีก.....

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “เผ่าซาไก” หรือ “มานิ” หรือ “มะนิ” หรือ “เงาะป่า” ในฐานะคนสัญชาติไทยที่เกิดบนผืนแผ่นดินไทย แต่ อาศัยในป่า ป่าคือบ้านและชีวิต โดยความเป็นมาของชน “มะนิ” จังหวัดตรังมีชนเผ่าซาไกในพื้นที่เขาบรรทัด ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน เป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่า ต้นไม้ น้ำ อากาศ และชีวิตคนป่า การดำรงชีวิตของชนเผ่าซาไกคือการ ล่าสัตว์ หาเผือก มันป่า เป็นอาหาร มีการเดินทางเคลื่อนย้ายถิ่นที่พักอาศัยไปเรื่อยๆ แต่ไม่บ่อยนัก ที่พักอาศัยเรียกว่า " ทับ" ทำด้วยต้นไม้ หลังคาทำด้วยใบไม้ ปัจจุบันนี้ซาไก หรือมานิ เริ่มปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตามคนในชุมชนเมือง เริ่มมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง อาศัยในกระท่อม ทำด้วยไม้ หลังคามุงสังกะสี ทำสวนยาง ปลูกผัก ขับขี่รถจักรยานยนต์ ติดต่อมีสายสัมพันธ์กับชาวบ้านโดยทั่วไป

 

จากข้อมูลปี 2554 ทางจังหวัดตรัง ได้สำรวจบันทึก ซาไก ที่อาศัยในเขาบรรทัด ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน 4 กลุ่ม จำนวน 99 คน ดังนี้

 

-กลุ่มที่1.ผู้นำคือนายเระ อาศัยอยู่บ้านควนไม้ดำ หมู่ 2 ต.ปะเหลียน สมาชิก 8 คน อาศัยในทับ

-กลุ่มที่ 2.กลุ่มนายสัง อาศัยอยู่ที่คลองตง หมู่ 2 ต.ปะเหลียน มีสมาชิก 46 คน อาศัยในกระท่อม

-กลุ่มที่ 3.กลุ่มนายไข่ อาศัยที่บ้านพะ หมู่ 14 ต.ปะเหลียน มีสมาชิก 21 คน อาศัยในทับ

-กลุ่มที่ 4.กลุ่มนายโซ๊ะ อาศัยที่บ้านท่าเขา หมู่ 5 ต.ลิพัง สมาชิก 24 คน ที่อยู่เป็นกระท่อม

 

ขอบคุณภาพจาก คุณจิระพงษ์ วงศ์วิวัฒน์