ความเป็นไป(ไม่)ได้ของเส้นทางจักรยานในทับเที่ยง

บทความพิเศษ โดย วานิช สุนทรนนท์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฅนตรัง : "ทุกคนได้พูดถึงหลักการที่ดีของการทำเส้นทางจักรยาน การแบ่งเส้นทางเพื่อการปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ แต่ขณะเดียวกันเหมือนจะยอมรับอยู่ในทีว่า การทาสีเพื่อการสร้างเลนจักรยานครั้งนี้มีปัญหาทับไหล่ทาง หรือที่จอดรถยนต์ ซึ่งเมื่อทาสีเสร็จแล้วไม่สามารถใช้เป็นเส้นทางจักรยานจริงๆ ได้" 

 

ความเป็นไป(ไม่)ได้ของเส้นทางจักรยานในทับเที่ยง

บทความพิเศษ โดย วานิช สุนทรนนท์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฅนตรัง

 

วันก่อนสิ... ผมมีโอกาสไปร่วมการเสวนา 'Share the Road แบ่งปันถนนสายน้ำใจ สานฝันสู่เมืองจักรยาน' จัดโดยเทศบาลนครตรัง ที่อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ

 

บรรยากาศในร่มไม้และสายลมยามเย็นดีมาก เสียดายในส่วนของคนฟัง ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ พนักงาน ข้าราชการ นักการเมือง และผู้แทนชุมชนในเขตเทศบาล นอกเหนือจากนี้ก็เป็นสื่อมวลชนจำนวนมาก และประชาชนคนฟังทั่วไปจำนวนน้อย

 

บนเวทีมีทีมผู้บริหารเทศบาลนครตรัง 2 ท่าน รวมผู้ดำเนินรายการซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เทศบาลเองอีกคนเป็น 3 ส่วนอีก 3 ท่านเป็นผู้แทนการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตรัง เจ้าของงบประมาณ เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ดูแลการจราจร และผู้แทนชมรมจักรยานจังหวัดตรัง

 

เนื้อหาสาระเกือบทั้งหมด ทุกคนพูดถึงเส้นทางจักรยานสีเขียวระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตรในเขตพื้นที่เทศบาลนครตรัง ที่ใช้งบประมาณของการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตรัง

 

ทุกคนได้พูดถึงหลักการที่ดีของการทำเส้นทางจักรยาน การแบ่งเส้นทางเพื่อการปั่นจักรยานเพื่อสุขภาพ แต่ขณะเดียวกันเหมือนจะยอมรับอยู่ในทีว่า การทาสีเพื่อการสร้างเลนจักรยานครั้งนี้มีปัญหาทับไหล่ทาง หรือที่จอดรถยนต์ ซึ่งเมื่อทาสีเสร็จแล้วไม่สามารถใช้เป็นเส้นทางจักรยานจริงๆ ได้

 

ในตอนท้ายๆ ผู้แทนชมรมจักรยานฯเสนอว่า น่าจะต้องกำหนดเป็นเวลาสำหรับการปั่นจักรยานที่แน่นอน เช่น เริ่มต้นตั้งแต่ตี 5 ไปจนถึง 7 โมงครึ่ง นั่นคือห้ามรถยนต์มาจอดในเวลาตามกำหนดเวลานี้

 

สารวัตรจราจรผู้ทำหน้าที่กำกับดูแลการจราจรในเขตเมืองมีท่าทีเห็นด้วยกับการกำหนดเวลา แต่เมื่อมีผู้ถามว่าจะดูแลการจอดรถยนต์ในเวลาเช้ามืดอย่างไร ท่านก็ตอบว่า ก็คงจะไม่มีการล็อคล้อแต่ประการใด นั่นคือ จะไม่มีการลงโทษ ทำได้แค่การประชาสัมพันธ์และขอร้อง

 

ในเวลาต่อมา ผมยกมือขอมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นด้วยการตั้งเป็นข้อสังเกต 3 ประการ

 

1) ผมขอชื่นชมในความตั้งใจดีๆ ที่เทศบาล การท่องเที่ยวและกีฬา และผู้ที่เกี่ยวข้องในการกำหนดเส้นทางจักรยานในครั้งนี้ แต่เมื่อดูคำขวัญ Share the Road กับการสร้างเป็นเลนถาวรแบบนี้ ผมไม่แน่ใจว่าจะเป็นแบ่งถนนกันใช้ หรือจะเป็นการจับจองเป็นเจ้าของด้วยการทาสี

 

2) การจัดเวทีเสวนาสาธารณะเพื่อการรับฟังความคิดเห็นแบบนี้ เป็นความตั้งใจที่ดี แต่ถ้าให้ดีกว่านี้ต้องทำก่อนจะเริ่มกำหนดโครงการ ไม่ใช่ทำโครงการไปแล้วมีปัญหาจะมาหาทางออกทีหลัง ซึ่งมันไม่ง่ายแล้ว

 

3) เอาเถอะ เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว คงจะแก้ปัญหาวิธีการอื่นไม่ได้นอกจากการกำหนดเวลาตามที่มีการเสนอกันไว้เมื่อสักครู่ ปัญหาคือ ในเวลาตี 5 จะมีใครมากำกับดูแลการจอดรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรตื่นมาดูแลได้ไหม และถ้าไม่มีการลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง แค่การขอร้องคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

 

ข้อสังเกตเชิงสรุปในวันนี้

 

1) ความจริงแล้ว การปั่นจักรยานในทับเที่ยงยังไม่จำเป็นต้องทำเป็นเลนเฉพาะขึ้นมาแบบที่ปรากฏอยู่ เพราะเรามีเส้นทางที่ปลอดภัยและแบ่งปันโดยธรรมชาติและหัวใจสำหรับจักรยานมากพออยู่แล้ว

 

2) การปั่นจักรยาน ส่วนมากนักปั่นจะปั่นอย่างอิสระ มีเป้าหมายของตัวเอง ของกลุ่ม มากกว่าอยากจะปั่นไปบนเส้นทางที่ผู้อื่นกำหนดให้ด้วยการทาสีแบบนี้ หรือถ้าจะปั่นก็คงสักครั้งสองครั้ง จากนั้นก็จะไปที่อื่นที่ไม่ซ้ำที่เดิม

 

3) การทำเลนเฉพาะแบบนี้น่าจะไปทำในสวนสาธารณะ เช่น รอบๆ สระกะพังสุรินทร์ เขาแปะช้อย และสนามกีฬาทุ่งแจ้ง มากกว่า อย่างน้อยๆ เหมาะสำหรับเด็กๆ และนักปั่นมือใหม่ได้ฝึกหัดก่อนจะออกสู่ถนนใหญ่

 

4) ผมเห็นว่า การทำเลนจักรยานด้วยงบประมาณจำนวนหลายล้านบาทในครั้งนี้ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง, ฟันธง !!!